Preventive maintenance Pump and Motor

การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance - PM) สำหรับปั๊มและมอเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดการชำรุดกะทันหัน และรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้ดีที่สุดครับ การบำรุงรักษาแบบนี้ไม่ใช่แค่การซ่อมแซมเมื่อเสีย แต่เป็นการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาตั้งแต่แรก


องค์ประกอบหลักของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันปั๊มและมอเตอร์

1. การตรวจสอบและบำรุงรักษามอเตอร์ (Motor Maintenance)

มอเตอร์เป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนปั๊ม ดังนั้นการดูแลมอเตอร์จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน

  • ตรวจสอบสภาพทางกายภาพ:
    • ความสะอาด: ทำความสะอาดภายนอกมอเตอร์ โดยเฉพาะบริเวณครีบระบายความร้อน เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดี
    • การกัดกร่อน/สนิม: ตรวจสอบร่องรอยการกัดกร่อนหรือสนิมบนตัวเรือนมอเตอร์และส่วนประกอบอื่นๆ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง หรือมีสารเคมี
    • ความเสียหายทางกล: ตรวจสอบรอยแตกร้าว บุบ หรือความเสียหายอื่นๆ บนตัวเรือนมอเตอร์และฝาครอบพัดลม
  • ระบบไฟฟ้า:
    • สายไฟและการเชื่อมต่อ: ตรวจสอบสายไฟทั้งหมดว่ามีรอยฉีกขาด ฉนวนชำรุด หรือมีร่องรอยความร้อนสูงหรือไม่ ขันสกรูยึดขั้วต่อสายไฟในกล่องเทอร์มินอลให้แน่น
    • ค่าฉนวน (Insulation Resistance): วัดค่าความต้านทานของฉนวนขดลวดมอเตอร์ (Megger Test) เพื่อตรวจสอบสภาพฉนวน หากค่าต่ำอาจบ่งชี้ถึงความเสื่อมสภาพหรือความชื้น ซึ่งนำไปสู่การลัดวงจรได้
    • กระแสไฟฟ้าและแรงดัน: วัดกระแสไฟฟ้าที่มอเตอร์ดึงไปใช้ (Amperage Draw) และแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้มอเตอร์ในแต่ละเฟส เปรียบเทียบกับค่าปกติ หากผิดปกติอาจมีปัญหาโอเวอร์โหลด มอเตอร์เสื่อมสภาพ หรือแรงดันไฟฟ้าไม่เสถียร
    • ระบบป้องกัน (Overload Protection): ตรวจสอบการทำงานของระบบป้องกันกระแสเกิน (Thermal Overload Relay) หรือเบรกเกอร์ว่าอยู่ในสภาพดีและตั้งค่าได้ถูกต้อง
  • แบริ่ง (Bearings):
    • การหล่อลื่น: เติมจาระบีหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นแบริ่งตามชนิดและปริมาณที่ผู้ผลิตระบุ ไม่มากหรือน้อยเกินไป
    • เสียงและอุณหภูมิ: สังเกตเสียงดังผิดปกติหรืออุณหภูมิที่สูงขึ้นบริเวณแบริ่ง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าแบริ่งอาจเริ่มเสื่อมสภาพ
    • การสั่นสะเทือน: ตรวจสอบการสั่นสะเทือน หากมอเตอร์สั่นผิดปกติอาจบ่งชี้ถึงปัญหาแบริ่ง การตั้งศูนย์ไม่ดี หรือโรเตอร์ไม่สมดุล

                                                                         

                                                     ต้องการข้อมูลเพื่อเติม หรือ รายละเอียดการบริการติดต่อได้ที่นี่

                                                                     

2. การตรวจสอบและบำรุงรักษาปั๊ม (Pump Maintenance)

ปั๊มมีส่วนประกอบที่เคลื่อนไหวและต้องสัมผัสกับของเหลวโดยตรง การบำรุงรักษาจึงมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการรั่วไหลและการสึกหรอภายใน

  • การหล่อลื่น:
    • ระดับน้ำมัน/จาระบี: ตรวจสอบระดับน้ำมันในห้องแบริ่งหรือระดับจาระบีของปั๊ม (ถ้ามี) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
    • การเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน: เปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นตามระยะเวลาหรือชั่วโมงการทำงานที่ผู้ผลิตแนะนำ
  • ซีล (Seals):
    • ซีลเพลา (Shaft Seal): ตรวจสอบการรั่วไหลบริเวณซีลเพลา (Mechanical Seal หรือ Packing Gland) หากมีการรั่วไหลมากเกินไป ควรรัด packing ให้แน่นขึ้น (สำหรับ Packing Gland) หรือพิจารณาเปลี่ยนซีล (สำหรับ Mechanical Seal)
    • การสึกหรอของซีล: ตรวจสอบสภาพของซีลว่ามีการแข็งตัว แตก หรือสึกหรอหรือไม่
  • การตั้งศูนย์ (Alignment):
    • การตรวจสอบการเยื้องศูนย์: ตรวจสอบการเยื้องศูนย์ระหว่างเพลามอเตอร์และเพลาปั๊ม การเยื้องศูนย์เป็นสาเหตุหลักของการสั่นสะเทือน แบริ่งเสียหาย และซีลรั่ว ควรใช้เครื่องมือ Laser Alignment Tool เพื่อความแม่นยำ
  • การสั่นสะเทือน (Vibration):
    • การเฝ้าระวัง: นอกจากการฟังเสียงแล้ว อาจใช้เครื่องวัดการสั่นสะเทือน (Vibration Analyzer) เพื่อตรวจจับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในแบริ่ง ใบพัด หรือการเยื้องศูนย์
  • ใบพัด (Impeller) และตัวเรือนปั๊ม (Casing):
    • สิ่งอุดตัน: หากสามารถถอดตรวจสอบได้ ให้ตรวจสอบใบพัดว่ามีสิ่งอุดตัน เช่น ตะกอน เศษขยะ หรือมีรอยสึกหรอหรือไม่ (โดยเฉพาะปั๊มน้ำเสีย)
    • การกัดกร่อนและการสึกหรอ: ตรวจสอบสภาพของใบพัดและตัวเรือนปั๊มว่ามีร่องรอยการสึกหรอ การกัดกร่อน หรือ Cavitation (การเกิดโพรงอากาศทำลายผิววัสดุ)
    • แหวนสึกหรอ (Wear Rings): สำหรับปั๊มที่มีแหวนสึกหรอ ให้ตรวจสอบระยะห่างและการสึกหรอของแหวน หากมีช่องว่างมากเกินไปจะทำให้ประสิทธิภาพการปั๊มลดลง
  • วาล์ว (Valves) และอุปกรณ์ประกอบ:
    • วาล์วควบคุม: ตรวจสอบการทำงานของวาล์วทางดูดและทางส่ง (เช่น Check Valve, Gate Valve) ว่าเปิด-ปิดได้สุดและไม่รั่วซึม
    • เกจวัด: ตรวจสอบการทำงานของเกจวัดแรงดันและอัตราการไหลว่าแสดงผลถูกต้อง
    • Strainers/Filters: ทำความสะอาด Strainer หรือ Filter ที่ติดตั้งบริเวณท่อดูดของปั๊ม เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ปั๊มและลดการอุดตัน

                                                                   ต้องการข้อมูลเพื่อเติม หรือ รายละเอียดการบริการติดต่อได้ที่นี่

3. การตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบโดยรวม

  • ฐานราก (Baseplate) และการยึด: ตรวจสอบความมั่นคงของฐานรากปั๊มและมอเตอร์ รวมถึงขันน็อตยึดให้แน่น
  • การทำความสะอาดพื้นที่: รักษาความสะอาดรอบๆ ปั๊มและมอเตอร์ เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ระบบ และง่ายต่อการตรวจสอบ
  • การบันทึกข้อมูล:
    • Log Sheet: จัดทำบันทึกการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ บันทึกค่าที่วัดได้ วันที่ เวลา ผู้ปฏิบัติงาน และข้อสังเกตต่างๆ
    • ประวัติอุปกรณ์: เก็บประวัติการซ่อมบำรุง การเปลี่ยนอะไหล่ และปัญหาที่เคยเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์และวางแผนในอนาคต

ตารางการบำรุงรักษาโดยประมาณ (ตัวอย่าง)

ความถี่กิจกรรม
รายวัน ตรวจสอบเสียงและการสั่นสะเทือนผิดปกติ, ตรวจสอบอุณหภูมิ (มอเตอร์/ปั๊ม/แบริ่ง), ตรวจสอบการรั่วไหล, ตรวจสอบแรงดัน/อัตราการไหล
รายสัปดาห์ ตรวจสอบระดับน้ำมัน/จาระบี, ตรวจสอบสภาพสายไฟ/การเชื่อมต่อ, ทำความสะอาดภายนอกปั๊ม/มอเตอร์
รายเดือน หล่อลื่นแบริ่ง (ตามคำแนะนำผู้ผลิต), ตรวจสอบความแน่นของน็อต/สลักเกลียว, ตรวจสอบสภาพซีล, ตรวจสอบการทำงานของวาล์ว/เกจวัด, ทำความสะอาด Strainer/Filter (ถ้ามี)
ราย 3-6 เดือน ตรวจสอบการตั้งศูนย์ของเพลา, ทำการวัดค่าฉนวนของมอเตอร์, ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าและแรงดัน, ตรวจสอบระบบป้องกันกระแสเกิน, ตรวจสอบสภาพการกัดกร่อนภายนอก
รายปี เปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นทั้งหมด, ตรวจสอบและเปลี่ยนแบริ่ง (ตามสภาพ/ชั่วโมงทำงาน), ถอดแยกชิ้นส่วนปั๊มเพื่อตรวจสอบใบพัด/แหวนสึกหรอ/ปลอกเพลา/ซีล (หากจำเป็น), ทดสอบประสิทธิภาพปั๊ม, ทำความสะอาดภายในกล่องเทอร์มินอลมอเตอร์, ตรวจสอบความแน่นของน็อตยึดฐานราก

 


ประโยชน์ของการทำ Preventive Maintenance 

  • ลดการชำรุดกะทันหัน: ป้องกันปัญหาใหญ่ที่ทำให้ปั๊มหยุดทำงานโดยไม่คาดคิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมฉุกเฉินสูง
  • ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์: การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ชิ้นส่วนต่างๆ ไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ทำให้อายุการใช้งานของปั๊มและมอเตอร์ยาวนานขึ้น
  • ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม: การแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการปล่อยให้เสียหายหนักจนต้องซ่อมใหญ่หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: ปั๊มที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดต้นทุนการดำเนินงาน
  • พิ่มความปลอดภัย: ลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ขัดข้องที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุหรืออันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน

ข้อสำคัญที่สุด: ควรศึกษาและปฏิบัติตาม คู่มือการใช้งานและการบำรุงรักษา (Operation and Maintenance Manual) ที่มาพร้อมกับปั๊มและมอเตอร์ของคุณอย่างเคร่งครัด เนื่องจากผู้ผลิตจะระบุข้อกำหนดและระยะเวลาการบำรุงรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอุปกรณ์นั้นๆ โดยเฉพาะ หรือ ติดต่อขอคำปรึกษาที่ บจก.ซีลโปร 

                                                                    ต้องการข้อมูลเพื่อเติม หรือ รายละเอียดการบริการติดต่อได้ที่นี่

 

Visitors: 23,191